..แหล่งเรียนรู้ด้านการสื่อสารอีกแห่งหนึ่งของข้าพเจ้า HS7ZRF

 

 

เว็บบอร์ดมุมมองเรื่องสุขภาพ“ใช้ยาด้วยตนเอง” ผลร้ายเกินคาด
ผู้เขียน : พีรวิช วรรณทอง   หัวข้อ : “ใช้ยาด้วยตนเอง” ผลร้ายเกินคาดอ่าน 1558 / ความคิดเห็น 0
รูปประจำตัว
พีรวิช วรรณทอง
  • 1 กระทู้ที่เริ่มไว้
  • 5 สิงหาคม 2554
รูปไอคอน
หัวข้อ : “ใช้ยาด้วยตนเอง” ผลร้ายเกินคาด
8/8/2554 16:32:00

 

“ใช้ยาด้วยตนเอง” ผลร้ายเกินคาด


 การ "ใช้ยาด้วยตนเอง" เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการปฏิบัติกันทั่วไป ซึ่งหลายคนทำจนเคยชินด้วยเห็นว่าสะดวก ประหยัดกว่าการไปหาหมอ แต่ในบางกรณีอาจเป็นความ "เสี่ยง" อย่างมาก ซึ่งในงานสัมมนา "เปิดผลการสำรวจเกี่ยวกับการใช้ยาด้วยตนเอง เพื่อควบคุมความเจ็บปวดเรื้อรังในเอเชีย (Asian survey on Self-medication for Chronic pain) เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ กัวลาลัมเปอร์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ มาเลเซีย ก็มีข้อมูลบ่งชี้

            นพ.อเล็ก ซ์ เหยา โซ-นัม ประธานสมาคมความปวดแห่งประเทศสิงคโปร์ ประธานสถาบันความปวดโลกประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และที่ปรึกษาด้านการจัดการกับความปวดของกระทรวงสาธารณสุข ประเทศสิงคโปร์ ระบุในงานสัมมนาว่า...จากการสำรวจออนไลน์ ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,220 คน ทั้งคนจีน คนไต้หวัน คนไทย พบว่า ประเภทความเจ็บปวดของ 3 กลุ่มนี้แตกต่างกัน โดยชาวจีน และไต้หวัน จะประสบกับอาการปวดหัวบ่อยๆ และไมเกรนมากที่สุด รองลงมาคือปวดหลัง ส่วนคนไทยจะมีอาการปวดหลังมากที่สุด รองลงมาคือ ปวดหัวบ่อยๆ และไมเกรน และคนไทยมีความอดทนในความเจ็บป่วยเรื้อรังน้อยที่สุด

            ผลการสำรวจลักษณะการรักษาเมื่อเผชิญกับความเจ็บ ปวดเรื้อรัง ชี้ว่า กว่า 60% ของผู้ตอบคำถามชาวจีน ไต้หวัน และชาวไทยซื้อยากินเอง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด โดยไม่ได้มีการปรึกษาหมอ

            ในส่วนของความตระหนักถึงผลข้างเคียงของการใช้ยา คนส่วนมากรับทราบและรับรู้ว่ากลุ่มยาแก้ปวดมีผลข้างเคียงต่อไต แต่มีผู้ตอบคำถามเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่รู้ว่า กลุ่มยาแก้ปวดมีผลต่อการเป็นแผล เลือดออกในท้องและลำไส้ ทั้งนี้ นอกเหนือจากผลข้างเคียงต่อไตแล้ว ยาแก้ปวดยังมีผลข้างเคียงอีกหลายอย่าง อาทิ ผลข้างเคียงต่อตับ, อาการแพ้ต่างๆ, ระบบ ย่อยอาหาร, เวียนหัวและผื่นคัน

            สำหรับวิธีการรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก บ้างก็รักษาด้วยการซื้อยาตามใบสั่งแพทย์ และซื้อยาตามร้านขายยาทั่วไป โดยการใช้การแพทย์ทางเลือก ก็เช่น การใช้ยาสมุนไพรต่างๆ รักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจให้เหตุผลว่า มีผลข้างเคียงน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม อาจมีความเข้าใจที่ผิดพลาดว่ายาทางเลือกมีความปลอดภัย 100% หรือกินแล้วไม่ติด

            บทบาทของหมอยังมีน้อยมาก ร้อยละ 27.3 ของผู้ตอบคำถามทั้ง 3 ประเทศ ไม่เคยไปหาหมอเลย ร้อยละ 47.9 เลิกหาหมอไปแล้ว และ 3 ใน 4 ของผู้ตอบคำถาม ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของหมอระหว่างการทำสำรวจ โดยมีจำนวน 3 ใน 5 ของผู้ตอบคำถาม ที่ยอมรับว่าเคยใช้ยาบางประเภท ส่วนสาเหตุหลักที่ผู้ป่วยไม่ไปหาหมอ คือคิดว่าความเจ็บป่วยนั้นๆ สามารถบริหารจัดการได้เอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

            ผู้ตอบคำถามชาวจีนร้อยละ 28.4 มีประสบการณ์จากผลข้างเคียงจากการใช้ยากลุ่มยาแก้ปวด ขณะที่ร้อยละ 35 ของชาวจีนชาวไต้หวันและร้อยละ 12.4 ของคนไทย ไม่เคยรู้เลยว่าเคยมีอาการข้างเคียงจากยาแก้ปวดหรือไม่ ทั้งนี้ ความเจ็บปวดในช่องท้องและลำไส้เป็นผลข้างเคียงสามัญ ซึ่งพบมากที่สุดในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งเคยได้รับผลข้างเคียง ดังนั้น เป็นที่สรุปได้ว่ายังคงมีความเชื่อที่จำกัดเกี่ยวกับผลข้างเคียงในหมู่ผู้เจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่การบรรเทาความเจ็บปวดที่ไม่ปลอดภัยเพียงลำพังและใช้ยาอื่นๆ ผสมรวมกัน

            "นอกจากเจ็บปวดในช่องท้องและลำไส้ที่พบมากแล้ว ยังมีอาการผลข้างเคียงอื่นๆ อีกมาก อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน, หน้ามืด ปวดหัว, มึนงง, มีอาการแพ้ เช่น ผื่นคันต่างๆ และใจสั่น ในเมื่อกลุ่มยาแก้ปวดซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ใช้กันเองอย่างแพร่หลาย มีผลข้างเคียง ดังนั้น วิธีการรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นปวดหัว ไมเกรน ข้ออักเสบ เอ็นอักเสบ หรืออื่นๆ ควรปรึกษาหมอทุก 2-3 เดือน ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ตาม จะเป็นวิธีที่ดีที่ปลอดภัยที่สุด"



            นพ.อเล็กซ์ ระบุว่า ด้าน ศ.ฟรานซิส กา-เหลียง ชาน ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์บำบัด หัวหน้าหน่วยระบบทางเดินอาหารและตับ และรองคณบดีทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยไชนีส ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮ่องกง กล่าวในงานสัมมนาว่า การมีอาการเจ็บป่วยต่างๆ แล้วไม่ไปหาหมอ แต่ซื้อยากินเองเป็นสิ่งที่ผิดที่ถูกต้องคือต้องหาหมอ และติดตามผลทุก ๆ 2-3 เดือน ซึ่งยาประเภทกลุ่มแก้ปวดมีผลข้างเคียง บางคนก็เลือดออกในกระเพาะอาหารและยังมีผลต่อหัวใจ และระบบทางเดินอาหารอีกด้วย ดังนั้น เรื่องการปรึกษาแพทย์จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

            ทั้งนี้ ศ.นพ.โก๊ะ เคียน ลี หัวหน้าหน่วยระบบทางเดินอาหารและตับ และหัวหน้าฝ่ายการส่องกล้องในระบบทางเดินอาหาร มหาวิทยาลัยการแพทย์มาลายา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานการสัมมนาครั้งนี้ ก็ได้อธิบายเพิ่มเติมพร้อมทั้งชี้ว่า ผลข้างเคียงจากการใช้ยาแก้ปวดด้วยตนเอง ถือเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ และทำให้สังคมโดยรวมเกิดการสูญเสียงบประมาณค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก

            "ใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาหมอ" มีความ "เสี่ยง!!" คนไทยอย่าประมาท...อาจมีผลเสียร้ายแรงเกินคาด!

 

 


ไดเอ็ทไม่ถูกวิธี ระวัง..มีของแถม


 

 ไดเอ็ท ไดเอ็ท แล้วก็ไดเอ็ท คงเป็นคำที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดี เพราะต่างผ่านช่วงเวลาของการอดอาหาร อดรับประทานของ อร่อยๆ กันมาทั้งนั้น ว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้กิโลกรัมหนึ่งก็เรียกได้ว่าต้องปาดเหงื่อกันไปหลายหยด แต่พอไม่ได้ระวังเผลอแป๊บเดียวน้ำหนักก็ขึ้นเอ๊าขึ้นเอา บางคนก็พยายามลดอาหารจนประสบความสำเร็จ บางคนก็ไม่ไม่ถึงเป้าหมาย งัดสูตรเด็ดเคล็ดลับมาเท่าไรก็ไม่ได้ผลแถมบางทียิ่งกลับอยากรับประทานอาหาร มากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ก็เพราะบางคนเลือกที่จะอดอาหารไม่รับประทานอะไรเลยตลอดทั้งวัน จนทำให้ร่างกายอ่อนแรงและเพลีย และทำให้จิตใจเกิดภาวะต่อต้านการไดเอ็ทขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวค่ะ แต่คงจะดีไม่น้อยเลยนะคะสาวๆ ถ้าเราสามารถรับประทานอาหารไปด้วย แล้วก็ไดเอ็ท หรือลดความอ้วนไปด้วยได้ในเวลาเดียวกัน เพียงแต่เราจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่สามารถทำให้เราอิ่มท้องได้นาน มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และไม่ทำให้ร่างกายตึงเครียดจนเกินไปจากการที่เราไดเอ็ท รวมทั้งไม่ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น เรียกได้ว่าผอมด้วย สุขภาพดีด้วยไงล่ะคะ



ลดอ้วนผิดวิธีมีผลร้ายถามหา 
             ผิวพรรณแห้งกร้าน ใบหน้าร่วงโรย เนื่องจากมีอาการขาดน้ำ เพราะบางคนมีความเชื่อว่าน้ำเป็นสาเหตุของการที่น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น
             อ่อนแรง ไม่มีชีวิตชีวา เพราะได้รับโปรตีนน้อยเกิดนไปควรหันมารับประทานอาหารจำพวกโปรตีนที่มีไขมัน น้อยแทน เพื่อให้ร่างกายได้มีพลังงานบ้าง แล้วอาศัยการออกกำลังกายแทน 
             เส้นผมแห้ง เล็บฉีกง่าย เนื่องจากขาดน้ำ หรือขาดกรดไขมันที่จำเป็นบางชนิด ควรเลือกรับประทานน้ำมันถั่วเหลือและน้ำมันงาที่มีกรดไขมัน LA หรือกรด DHA ที่พบในน้ำมันปลา และกำมะถันที่มีมากในไข่ นม และ ผลไม้ จะช่วยบำรุงสุขภาพผมได้ดี

            คราวนี้เราก็มาถึงเมนูที่จะมาเป็นผู้ช่วยให้เราลดความอ้วนได้ทุกวันอย่างสบายใจและมีสุขภาพดีอีกด้วย

เมนูคู่ซี้ชาวไดเอ็ท
            ผัก ผัก ผัก ผักเป็นอาหารที่ควรรับประทานมากที่สุด ยิ่งมากก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อคอร์สลดความอ้วนแพงๆ มาใช้เลยค่ะ เพราะสารอาหารที่มีอยู่ในผักจะช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีมากขึ้น ส่งผลให้สาวๆ มีสุขภาพที่ดี และเปล่งประกายความสวยออกมาด้วยนั่นเองค่ะ

            แครอท ของว่างยามบ่ายมื้ออร่อย และช่วยไดเอ็ทยิ่งกว่าเมนูอื่นๆ ค่ะ นำมารับประทานสดๆ ก็อร่อย ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า อารมณ์แจ่มใส หรือจะนำมาปั่นเป็นน้ำแครอทสด ก็ยิ่งมีรสชาติหอมสดชื่นค่ะ อุดมด้วยคุณค่าของวิตามินเอ และซี ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน และช่วยสร้างให้ผิวพรรณสดใส ชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ

            ผักโขม บร็อคโคลี กะหล่ำปลี ทำลายอนุมูลอิสระอันเป็นโมเลกุลที่เร่งกระบวนการเกิดริ้วรอย

            ธัญพืช แสนอร่อย เช่น ข้าวกล้อง, ลูกเดือย, งา, ถั่วต่างๆ เพราะธัญพืชจะมีเส้นใยอาหารมาก ทำให้อิ่มท้องได้ในเวลารวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด รักษาระดับโคเลสเตอรอล และยังช่วยให้ระบบย่อยและขับถ่ายดีอีกด้วยค่ะ

            โอ๊ตมีล มีเส้นใยสูง กระตุ้นพลังงาน ลดไขมันในเส้นเลือด มีโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองอีกด้วยค่ะ

            ถั่วลันเตา ถั่วแดง ถั่วเหลือง ช่วยเผาผลาญไขมัน และระบบการย่อยอาหารดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถั่วเหลืองมีกรดโฟลิก คลอไรด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไขมันไม่อิ่มตัว (ไขมันดีสำหรับร่างกาย) และที่สำคัญที่สุคคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ และป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้อีกด้วยค่ะ



            ผลไม้สด ลดอ้วน อาวุธลับสำหรับลดน้ำหนักของผู้หญิง ที่ได้ผลมากที่สุด เพราะมีรสชาติอร่อย หอมหวาน อิ่มท้องได้ง่าย เพราะมีเส้นใยอาหาร (Fiber) ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง จึงเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักมากค่ะ

            กล้วย อุดมไปด้วยธาตุโปแตสเซียมและวิตามินซี เกลือแร่ และวิตามินเอ บี และซี อีกด้วยค่ะซึ่งช่วยให้ทำให้หน้าคาผิวพรรณสดชื่น แจ่มใส ไม่อิดโรย

            แอปเปิ้ล อุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี2 บี6 เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า “เพคติน” ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายได้อย่างดี

            เนื้อสัตว์เพื่อหุ่นสวย ควรเปลี่ยนมารับประทานเนื้อ ปลา หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเป็นประจำ เช่น เนื้อกุ้ง เนื้อไก่ เนื้อปลา โดยเฉพาะเนื้อปลาซึ่งถือว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

            นอกจากนี้การไดเอ็ทต้องใช้พลังกายและใจอย่างสูง สุดถึงที่จะสามารถควบคุมจิตใจ เพื่อหุ่นสวยและสุขภาพดีมากน้อยแค่ไหนนั่นเองค่ะ ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการไดเอ็ทกันทุกคน..หุ่นดีไม่มีขายอยากได้ต้องสร้างเองค่ะ..


 


สร้างเว็บแบบมืออาชีพได้อย่างง่ายๆ กับ เว็บไซต์สำเร็จรูปของ " สยามทูเว็บ " www.siam2web.com


เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ กรุณา "เข้าสู่ระบบ" ก่อน เข้าสู่ระบบ
..

Advertising Zone    Close
 
Online:  3
Visits:  370,274
Today:  130
PageView/Month:  1,632

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com